ศุกร์ 10 ก.พ. 55

เหตุการณ์วันนี้

  • 22:08 เกิดแผ่นดินไหว 4.0 ทางเหนือของเชียงรายในเขตพม่า สามารถรู้สึกได้ถึง  ม.แม่ฟ้าหลวง อำเภอเมืองเชียงราย
  • เปรู – วานนี้ และตลอดลหายวันที่ผ่านมา ปลาโลมากว่า 200 ตัวขึ้นเกยหาดตายตลอดแนวชายฝั่งยาวกว่า 106 กิโลเมตรของหาด Lambayeque จนท ยังไม่ทราบสาเหตุการเกยตื้นของฝูงปลาในครั้งนี้ 
  • ภาพ แม่น้ำดานูบ  แม่น้ำที่ยาวที่สุดในสหภาพยุโรป และยาวเป็นอันดับสองของทวีปยุโรป (รองจากแม่น้ำวอลกา) มีสภาพเป็นน้ำแข็งหนา 1.7 ฟุต เป็นระยะทางหลายร้อยกิโลเมตร ส่งผลให้เรือขนส่งจำนวนมากต้องจอดตามท่าเรือต่างๆ ซึ่งเป็นผลมาจากมหันตภัยหนาวในยุโรปที่เกิดในช่วงนี้ 
  • กราฟแสดงอุณภูมิโลกในรอบ 33 ปี จาก 1979 ถึงปัจจุบัน ที่มา 
  • วานนี้ 9 ก.พ.55 เขื่อนภูมิพลมีน้ำเหลือ 10,647.49 ล้าน ลบม (ลดลง 64.4 ล้าน ลบม หรือ 23 เซ็นติเมตร) ด้วยแผนการระบาย 62 ล้าน ลบม/วัน คงเหลือน้ำกักเก็บ 79.09% ส่วนเขื่อนที่ยังมีระดับน้ำสูงวิกฤต ได้แก่ เขื่อนกระเสียว(100%),แม่งัด(97%),ลำแซะ(92%),มูลบน(88%)
  • 07:00 สรุปยอดผู้เสียชีวิตจากแผ่นดินไหวเนกรอส – ฟิลิปปินส์ เมื่อสามวันที่ผ่านมา ผู้เสียชีวิตรวม 34 ราย แบ่งเป็น 13 รายในเมือง Guihulngan  7 รายในเมือง Jimalalud 3 รายในเมือง Tayasan  1 รายใน Bindoy  2 รายใน Manjuyod  2 รายใน Ayungon และ  6 รายในเมือง La Libertad มีผู้สูญหาย 71 ราย แบ่งเป็น 29 รายใน Guihulngan และ 42ราย ใน La Libertad มีผู้ได้รับบาดเจ็บ 54 ราย แบ่งเป็น 12 รายใน Jimalalud และ 42 รายใน Guihulngan
  • ยุโรป – แพน้ำแข็งที่มีความหนาประมาณ 1.7 ฟุตได้ปกคลุมแม่น้ำดานูบเป็นระยะทางยาวหลายร้อยกิโลเมตร จากความยาวทั้งหมด 1,780 กิโลเมตร โดยครอบคลุมพื้นที่มากกว่า 6 ประเทศ จากทั้งหมด 9 ประเทศที่แม่น้ำนี้ไหลผ่าน
  • 06:30 กทม 26°C สุราษฎ์ธานี 23°C ลำพูน 16°C ลำปาง 16°C เชียงใหม่ 16°C เชียงราย 14°C อุบล 21°C ขอนแก่น 21°C
  • 05:30 เกิดแผ่นดินไหวขนาด 3.9 ตอนเหนือของเชียงรายในเขตประเทศพม่า 
  • 02:40 พายุไซโคลน Jasmine ลดความเร็วลมลงเรื่อยๆ ล่าสุดมีความเร็วลมใหล้ศูนย์กลาง 105 น็อต 
  •  เมื่อ 01.57 ตามเวลาไทย เกิดแผ่นดินไหวขนาด 5.1 บริเวณ ทางเหนือของ Xinjiang ประเทศจีน ที่ความลึก 21.70 กม.โดยจุดที่ไหวอยู่ติดชายแดนด้านใต้ของมองโกเลีย
  • ทุ่นตรวจสึนามิ 52402 แสดงระดับผิดปกติตั้งแต่เมื่อคืนช่วง 2 ทุ่มไปจนช่วงดึก 

สรุปรายงานแผ่นดินไหวทั่วโลก 10 ก.พ. 55

รายงานแผ่นดินไหวทั่วโลกจาก USGS นี้ ไม่มีรายงานของแผ่นดินไหวในไทยรวมอยู่ด้วย เนื่องจากข้อมูลกรมอุตุไทยไม่ได้เชื่อมต่อกับระบบสากล

Total 37 Times

เมื่อพันปีที่แล้ว กรุงเทพ และ 6 จังหวัดภาคกลางเคยอยู่ใต้ทะเลมาก่อน

เชื่อหรือไม่ เมื่อ 1,000 ปีก่อน กรุงเทพ อยุธยา นนทบุรี ปทุมธานี สมุทรปราการ สมุทรสาคร สมุทรสงคราม เคยจมอยู่ใต้ทะเลมาก่อน

เมื่อ 1000 ปีก่อน โลกอยู่ในช่วงอบอุ่นมากช่วงหนึ่ง ทำให้น้ำแข็งจำนวนมาก ละลายออกจากขั้วโลก แม้แต่เกาะกรีนแลนด์แดนน้ำแข็งทุกวันนี้ ในขณะนั้นก็กลายเป็นเขตอบอุ่นจนชาวไวกิ้งเข้าไปตั้งรกรากทำการเกษตรปลูกพืชเมืองร้อนได้ เราเรียกช่วงเวลาที่โลกร้อนในช่วงนี้ ว่าช่วง  Medieval Warm Period ผลจากการละลายของน้ำแข็งในช่วงนี้ ทำให้ระดับน้ำทะเลทั่วโลกเพิ่มขึ้นสูง และนั่นคือเหตุผลของการที่หลายจังหวัดในภาคกลางตอนล่างของไทย (ขณะนั้นยังไม่มีเมืองไทยปรากฏขึ้นบนโลก) จมอยู่ใต้ระดับน้ำทะเล

ภาพแผนที่อ่าวไทยโบราณ แบบที่ 1

ช่วงที่โลกร้อนในสมัย Medieval Warm Period ตรงกับสมัยทวารวดี  นั่นคือก่อนจะมีการก่อตั้งกรุงสุโขทัยนั่นเอง ทะเลอ่าวไทยยุคนั้น มีขอบเขตกว้างขวางกว่าปัจจุบันมาก ดังนี้

  • ทิศเหนือ ทะเลสูงขึ้นไปถึงบริเวณ จ.ลพบุรี หรือเหนือขึ้นไปอีก
  • ทิศตะวันตก ทะเลเว้าเข้าไปถึงบริเวณ อ.เมือง และ อ.อู่ทอง จ.สุพรรณบุรี ต่ำลงมาที่ อ.นครชัยศรี จ.นครปฐม ต่ำลงมาที่ อ.เมือง จ.ราชบุรี และต่ำลงมาที่ อ.เมือง จ.เพชรบุรี
  • ทิศตะวันออก ทะเลเว้าเข้าไปถึงบริเวณ จ.สระบุรี จ.นครนายก จ.ปราจีนบุรี และเว้าไปถึง อ.พนัสนิคม จ.ชลบุรี

ภาพแผนที่อ่าวไทยโบราณ แบบที่ 2

และแม่น้ำสายสำคัญๆ ที่เรารู้จัก ก็มีขนาดสั้นกว่าปัจจุบันมาก ปากแม่น้ำหลายสาย จะมีตำแหน่งไหลลงทะเลสั้นกว่าที่เป็นอยู่ทุกวันนี้ โดย

  • ปากน้ำเจ้าพระยา อยู่บริเวณ จ.นครสวรรค์-ชัยนาท
  • ปากน้ำแม่กลอง อยู่ทาง จ.นครปฐม (แม่น้ำท่าจีนยังไม่มี)
  • ปากน้ำบางปะกง อยู่ทาง จ.นครนายก-ปราจีนบุรี
  • ปากน้ำป่าสัก อยู่ทาง จ.ลพบุรี เป็นต้น
ภาพถ่ายทางอากาศ (จำลอง) ทะเลอ่าวไทยเมื่อหลายพันปีก่อน

ต่อมาโลกเริ่มเย็นลงจนเข้าสู่ช่วงยุคน้ำแข็งย่อย หรือ Little Ice Age น้ำทะเลเริ่มจับตัวเป็นน้ำแข็งตามขั้วโลก กรีนแลนด์หมดสภาพอบอุ่น และกลายเป็นเกาะน้ำแข็ง ชาวไวกิ้งทิ้งถิ่นฐานออกมา ระดับน้ำทะเลทั่งโลกเริ่มลดลง ประกอบกับการทับถมของตะกอนแม่น้ำหลายร้อยปี ทำให้จังหวัดต่างๆในภาคกลางตอนล่างปัจจุบัน เริ่มโผล่ขึ้นเหนือระดับน้ำทะเล ตรงกับยุคกรุงสุโขทัย ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นของอาณาจักรไทย (สมัยราชวงศ์ซ้องของจีน)

ต่อมาหลัง พ.ศ.1600 มีบ้านเมืองและรัฐรุ่นใหม่เติบโตขึ้นโดยรอบอ่าวไทย โดยเฉพาะบริเวณที่ราบลุ่มดินดอนสามเหลี่ยมปากแม่น้ำเจ้าพระยา เช่น รัฐอโยธยาศรีรามเทพ (ที่ต่อมาเป็นกรุงศรีอยุธยา) ซึ่งตั้งอยู่ตอนบนของอ่าวไทยเหนือกรุงเทพฯ ขึ้นไป และทางน้ำกว้างใหญ่ผ่านบริเวณกรุงเทพฯ (ที่ต่อไปอีกนานมากจะได้ชื่อว่าเจ้าพระยา) ไหลคดเคี้ยวเป็นรูปโค้งเกือกม้า (Oxbow Lake) นับเป็นแม่น้ำเก่าแก่ดั้งเดิมของกรุงเทพฯ

มีคนพื้นเมืองตั้งหลักแหล่งบ้านเรือนอยู่ที่ดอนชายเลนบ้างแล้ว เช่น พวกพูดภาษาตระกูลมาเลย์-จาม กับชวา-มลายู จนถึงตระกูลมอญ-เขมร กับลาว-ไทย

ในปัจจุบัน โลกกลับเข้าสู่ช่วงอบอุ่นอีกครั้ง และความร้อนพุ่งทะยานเร็วขึ้นจากสภาพเรือนกระจกที่เกิดจากแก้สต่างๆเช่นมีเทน ไอน้ำ คาร์บอนในรูปแบบต่างๆ ทำให้เกิดการละลายของน้ำแข็งจากขั้วโลกและธารน้ำแข็งหรือหิ้งน้ำแข็ง รวมทั้งยอดเขาน้ำแข็งต่างๆอย่างรวดเร็ว ทำให้ระดับน้ำทะเลทั่วโลกเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ในอัตรา  3.2 ± 0.4 มิลลิเมตร/ปี 

จากสภาพการเพิ่มขึ้นของน้ำทะเลในลักษณะนี้ จึงหลีกเลี่ยงได้ยาก ที่วัฏจักรเดิมจะกลับมาอีกครั้ง นั่นคือการกลับลงสู่ใต้ทะเลของหลายเมืองริมชายฝั่งทั่วโลก รวมทั้งภาคกลางตอนล่างของไทย เช่นที่บ้านขุนสมุทรจีน สมุทรปราการ ซึ่งจมลงทะเลไปแล้วทั้งหมู่บ้าน โดยมีการใช้คำว่าาการกัดเซาะชายฝั่ง เพื่อเรียกภัยพิบัติชนิดนี้ โดยเฉลี่ยแล้ว อัตราการกัดเซาะรุนแรงในอ่าวไทย คือเฉลี่ยมากกว่า 5.0 เมตรต่อปี (ถือเป็นพื้นที่วิกฤติหรือพื้นที่เร่งด่วน) เกิดขึ้นในพื้นที่ชายฝั่งระยะทางรวม 180.9 กิโลเมตร หรือคิดเป็นร้อยละ 10.9 ของแนวชายฝั่ง ทั้งนี้ชายฝั่งทะเลบริเวณอ่าวไทยตอนบนตั้งแต่ปากแม่น้ำบางปะกง จังหวัดฉะเชิงเทรา จนถึงปากแม่น้ำท่าจีน จังหวัดสมุทรสาคร เป็นพื้นที่ที่มีความอ่อนไหวและเกิดการกัดเซาะที่รุนแรงที่สุด โดยบางพื้นที่มีอัตราการกัดเซาะชายฝั่งมากกว่า 25 เมตรต่อปี

โดยเฉพาะตัวเมืองกรุงเทพมหานคร การศึกษาพบว่า มีการจมลงของตัวเมืองเร็วกว่าปกติอีกด้วย เนื่องจากมีการสูบน้ำใต้ดินจำนวนมหาศาลออกมาเพื่อใช้งานในช่วงหลายสิบปีที่่ผ่านมา เมื่อไม่มีแรงดันน้ำใต้ดิน น้ำหนักตัวเมืองที่มีอาคารสิ่งก่อสร้างมากมายมหาศาล ก็กดทับลงประกอบกับตามที่เราทราบมาข้างต้นว่าใต้กรุงเทพเคยเป็นทะเลโคลนตมมาก่อน ยิ่งทำให้อัตราการจมลงของตัวเมืองหลวงแห่งนี้มีมากขึ้นทุกที จากการศึกษาพบว่า ภายในปี 2050 กรุงเทพมหานครจะเริ่มประสบปัญหาน้ำทะเลสูงจนรับมือไม่ไหว ซึ่งเป็นสิ่งที่ต้องรีบวางแผนหาทางแก้ไขโดยเร็วตั้งแต่วันนี้

 

อ้างอิง http://u-thongnews.blogspot.com.tr/2014/07/blog-post_20.html
http://www.oknation.net/blog/voranai/2007/05/29/entry-4
http://goo.gl/F4l4HZ