พายุโซนร้อนแฮเรียด – มหาวาตภัยแหลมตะลุมพุก พ.ศ. 2505

พายุโซนร้อนแฮเรียด หรือ 78W ในลำดับการตั้งชื่อนานาชาติ หรือ 6225 ตามลำดับการตั้งชื่อของ JMA (อุตุนิยมวิทยาประเทศญี่ปุ่น) เป็นพายุโซนร้อนรุนแรง ที่เข้าถล่มภาคใต้ของประเทศไทยในปี พ.ศ. 2505 และเลยไปจนถึงบังคลาเทศ และนับป็นพายุหมุนเขตร้อน 1 ใน 3 ลูก ที่เคลื่อนที่ข้ามเขตจากเขตไต้ฝุ่นไปยังเขตไซโคลนในมหาสมุทรอินเดย (อีก 2 ลูกที่ทำแบบนี้ได้ คือซุปเปอร์ไต้ฝุ่นคาเรน ในเดือนพฤศจิกายนปีเดียวกัน และพายุโซนร้อนนาไดน์ ในเดือนธันวาคม) และแฮเรียดเป็นพายุหมุนลูกเดียวที่ก่อให้เกิดแผ่นดินถล่มในประเทศไทยในปีนั้น

มีผู้เสียชีวิตมากกว่า 900 รายสูญหายมากกว่าร้อย ทำให้ แฮเรียด ได้รับการบันทึกว่าเป็นพายุมฤตยูประจำในปี พ.ศ. 2505 ร้ายแรงกว่าพายุไต้ฝุ่นแวนด้าทีี่เกิดก่อนหน้านั้น ในดือนกันยายน 

ลำดับขั้นการพัฒนาของแฮเรียด

  • JMA ตรวจพบการก่อตัวของหย่อมความกดอากาศต่ำ 1003 mbar ใกล้ประเทศฟิลิปปินส์ ในวันที่ 19 ตุลาคม 2505
  • หย่อมความกดอากาศอ่อนตัวลงที่ความกด 1006 mbar และกลับก่อตัวขึ้นเป็นพายุดีเปรสชัน ได้รับหมายเลขขณะนั้นว่า 78W ในวันที่ 22 ตุลาคม 2505
  • พายุดีเปรสชัน 78W เคลื่อนที่มุ่งตรงเข้ามาทางอ่าวไทย ทวีกำลังขึ้นเป็นพายุโซนร้อนในเช้าวันที่  25 ตุลาคม 2505 และได้รับการตั้งชื่อว่า แฮเรียด
  • พายุโซนร้อน แฮเรียด มาถึงฝั่งแหลมตะลุมพุก จังหวัดนครศรีธรรมราช ด้วยความเร็วลมราว 97 กิโลเมตรต่อชั่วโมง พร้อมด้วยสตอร์มเสิรจในช่วงกลางดึกของวันที่  25 ตุลาคม 2505
  • พายุโซนร้อน แฮเรียด ข้ามแหลมและแผ่นดินไปลงมหาสมุทรฝั่งอันดามันโดยอ่อนแรงลงเรื่อยๆ จากนั้นเคลื่อนที่ไปถึงบังคลาเทศในวันที่ 30 ตุลาคม 2505 และสลายตัวไปในวันรุ่งขึ้น
ความเสียหายต่อชีวิตและทรัพย์สิน

พายุโซนร้อน แฮเรียด กวาดทุกสิ่งทุกอย่างบนแหลมตะลุมพุก อ.ปากพนัง ที่มีผู้คนอยู่อาศัยราว 4 พันคนจนหมดสิ้น เหลือบ้านที่รอดจากการทำลายเพียง 5 หลัง ด้วยคลื่นสูงกว่า 3 เมตร พายุยังมีขอบเขตการทำลายไปถึงบริเวณใกล้เคียง บ้านเรือนอีกกว่าร้อยละ 30 ถูกทำลายลงโดยรอบ
มีผู้เสียชีวิตมากกว่า 900 ราย สูญหาย 142 ราย บาดเจ็บ 252 ราย ไร้ที่อยู่อาศัยนับหมื่นราย

การฟื้นฟู

ครั้งนั้นพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อม ประกาศเชิญชวนผู้มีใจกุศลบริจาคเงินและสิ่งของช่วยเหลือผู้ประสบภัยโดยด่วนทางสถานีวิทยุ อส. พระราชวังดุสิต มีประชาชนทั่วประเทศบริจาคเงินทองและสิ่งของโดยเสด็จพระราชกุศลเป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะเงินสดได้รับบริจาคถึงกว่า 10 ล้านบาท นอกไปจากที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้นำสิ่งของและเงินทองไปบรรเทาทุกข์ช่วยเหลือผู้ประสบภัย ซ่อมแซมโรงเรียน วัด สุเหร่า จัดอาหาร ที่พัก

ในขณะที่กรมประชาสงเคราะห์ได้จัดสร้างบ้านนครศรีธรรมราชเป็นที่เลี้ยงดูและให้การศึกษาเด็กกำพร้า จนกว่าจะบรรลุนิติภาวะเลี้ยงดูตัวเองได้ ซึ่งหลังจากที่ได้ใช้จ่ายไปในการเหล่านี้ทั้งสิ้นแล้วก็ยังคงเหลือเงินอีกถึง 3 ล้านบาท ต่อมาพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวจึงได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมพระราชทานให้จัดตั้งมูลนิธิราชประชานุเคราะห์ขึ้น เมื่อวันที่ 23 สิงหาคม พ.ศ. 2506 ทั้งยังได้ทรงรับมูลนิธินี้ไว้ในพระบรมราชูปถัมภ์อีกด้วย

มูลนิธิราชประชานุเคราะห์มีวัตถุประสงค์มุ่งช่วยเหลือบรรเทาทุกข์ผู้ประสบสาธารณภัยทั่วไป ในประเทศโดยฉับพลัน ซึ่งยังผลให้กองทุนนี้ที่มีเพียงแค่ 3 ล้านบาทในปีแรกเพิ่มขึ้นมาถึง 12 ล้านบาท ภายในเวลาอันรวดเร็ว นอกเหนือไปจากการที่มีบรรดาอาสาสมัครซึ่งผ่านการอบรมโดยทุนทรัพย์ของตนเองและพร้อมที่จะออกไปช่วยเหลือผู้ประสบภัยในยามที่มูลนิธิต้องการมากถึง 600 คน

อ้างอิง

7 ความคิดเห็นเกี่ยวกับ “พายุโซนร้อนแฮเรียด – มหาวาตภัยแหลมตะลุมพุก พ.ศ. 2505

  1. Pingback: ย้อนอดีตเส้นทางพายุ "โซนร้อนแฮเรียต-ไต้ฝุ่นเกย์" เทียบกับ "พายุปาบึก" - ข่าวบ้านเมือง

  2. พายุแต่ละลูกว่าโหดเหี้ยม แต่จิตใจของนักการเมืองโหดร้ายกว่าครับ เดี๋ยวนี้เห็นชัดแจ๋วเลยครับ

  3. ตอนเกิดพายุผมเกิดแล้ว บ้านอยู่ปากพูน ใกล้กับปลายแหลมตะลุมพุก ต้องไปหลบภัยกันใกล้จอมปลวกใหญ่ ขุดหลุมหลบภัย เห็นต้นมะพร้าวโค่นล้มระเกาะระกะต่อมาอีก 6 ปีต่อมาทางกรมประชาสงเคราะห์นำผมไปอยู่บ้านศรีธรรมราช พราะผมอยู่ในเกณฑ์กับน้องชาย คือรอบแรก พ่อแม่ตายหมด รอบสองพ่อหรือแม่ตาย รอบสาม ไม่มีใครตายแต่สินเนื้อประดาตัว ทางกรมฯส่งนักสังคมสงเคราะห์มาทำบัญชีทรัพย์สิน แม้แต่ช้อนกินข้าวก็นับว่ามีกี่อัน แล้วจึงนำตัวผมไปอยู่บ้านศรีธรรมราชในปี 2512 จนผมเรียนจบ ป.7จึงออกจากสถานสงเคราะห์

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *