เมื่อพันปีที่แล้ว กรุงเทพ และ 6 จังหวัดภาคกลางเคยอยู่ใต้ทะเลมาก่อน

เชื่อหรือไม่ เมื่อ 1,000 ปีก่อน กรุงเทพ อยุธยา นนทบุรี ปทุมธานี สมุทรปราการ สมุทรสาคร สมุทรสงคราม เคยจมอยู่ใต้ทะเลมาก่อน

เมื่อ 1000 ปีก่อน โลกอยู่ในช่วงอบอุ่นมากช่วงหนึ่ง ทำให้น้ำแข็งจำนวนมาก ละลายออกจากขั้วโลก แม้แต่เกาะกรีนแลนด์แดนน้ำแข็งทุกวันนี้ ในขณะนั้นก็กลายเป็นเขตอบอุ่นจนชาวไวกิ้งเข้าไปตั้งรกรากทำการเกษตรปลูกพืชเมืองร้อนได้ เราเรียกช่วงเวลาที่โลกร้อนในช่วงนี้ ว่าช่วง  Medieval Warm Period ผลจากการละลายของน้ำแข็งในช่วงนี้ ทำให้ระดับน้ำทะเลทั่วโลกเพิ่มขึ้นสูง และนั่นคือเหตุผลของการที่หลายจังหวัดในภาคกลางตอนล่างของไทย (ขณะนั้นยังไม่มีเมืองไทยปรากฏขึ้นบนโลก) จมอยู่ใต้ระดับน้ำทะเล

ภาพแผนที่อ่าวไทยโบราณ แบบที่ 1

ช่วงที่โลกร้อนในสมัย Medieval Warm Period ตรงกับสมัยทวารวดี  นั่นคือก่อนจะมีการก่อตั้งกรุงสุโขทัยนั่นเอง ทะเลอ่าวไทยยุคนั้น มีขอบเขตกว้างขวางกว่าปัจจุบันมาก ดังนี้

  • ทิศเหนือ ทะเลสูงขึ้นไปถึงบริเวณ จ.ลพบุรี หรือเหนือขึ้นไปอีก
  • ทิศตะวันตก ทะเลเว้าเข้าไปถึงบริเวณ อ.เมือง และ อ.อู่ทอง จ.สุพรรณบุรี ต่ำลงมาที่ อ.นครชัยศรี จ.นครปฐม ต่ำลงมาที่ อ.เมือง จ.ราชบุรี และต่ำลงมาที่ อ.เมือง จ.เพชรบุรี
  • ทิศตะวันออก ทะเลเว้าเข้าไปถึงบริเวณ จ.สระบุรี จ.นครนายก จ.ปราจีนบุรี และเว้าไปถึง อ.พนัสนิคม จ.ชลบุรี

ภาพแผนที่อ่าวไทยโบราณ แบบที่ 2

และแม่น้ำสายสำคัญๆ ที่เรารู้จัก ก็มีขนาดสั้นกว่าปัจจุบันมาก ปากแม่น้ำหลายสาย จะมีตำแหน่งไหลลงทะเลสั้นกว่าที่เป็นอยู่ทุกวันนี้ โดย

  • ปากน้ำเจ้าพระยา อยู่บริเวณ จ.นครสวรรค์-ชัยนาท
  • ปากน้ำแม่กลอง อยู่ทาง จ.นครปฐม (แม่น้ำท่าจีนยังไม่มี)
  • ปากน้ำบางปะกง อยู่ทาง จ.นครนายก-ปราจีนบุรี
  • ปากน้ำป่าสัก อยู่ทาง จ.ลพบุรี เป็นต้น
ภาพถ่ายทางอากาศ (จำลอง) ทะเลอ่าวไทยเมื่อหลายพันปีก่อน

ต่อมาโลกเริ่มเย็นลงจนเข้าสู่ช่วงยุคน้ำแข็งย่อย หรือ Little Ice Age น้ำทะเลเริ่มจับตัวเป็นน้ำแข็งตามขั้วโลก กรีนแลนด์หมดสภาพอบอุ่น และกลายเป็นเกาะน้ำแข็ง ชาวไวกิ้งทิ้งถิ่นฐานออกมา ระดับน้ำทะเลทั่งโลกเริ่มลดลง ประกอบกับการทับถมของตะกอนแม่น้ำหลายร้อยปี ทำให้จังหวัดต่างๆในภาคกลางตอนล่างปัจจุบัน เริ่มโผล่ขึ้นเหนือระดับน้ำทะเล ตรงกับยุคกรุงสุโขทัย ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นของอาณาจักรไทย (สมัยราชวงศ์ซ้องของจีน)

ต่อมาหลัง พ.ศ.1600 มีบ้านเมืองและรัฐรุ่นใหม่เติบโตขึ้นโดยรอบอ่าวไทย โดยเฉพาะบริเวณที่ราบลุ่มดินดอนสามเหลี่ยมปากแม่น้ำเจ้าพระยา เช่น รัฐอโยธยาศรีรามเทพ (ที่ต่อมาเป็นกรุงศรีอยุธยา) ซึ่งตั้งอยู่ตอนบนของอ่าวไทยเหนือกรุงเทพฯ ขึ้นไป และทางน้ำกว้างใหญ่ผ่านบริเวณกรุงเทพฯ (ที่ต่อไปอีกนานมากจะได้ชื่อว่าเจ้าพระยา) ไหลคดเคี้ยวเป็นรูปโค้งเกือกม้า (Oxbow Lake) นับเป็นแม่น้ำเก่าแก่ดั้งเดิมของกรุงเทพฯ

มีคนพื้นเมืองตั้งหลักแหล่งบ้านเรือนอยู่ที่ดอนชายเลนบ้างแล้ว เช่น พวกพูดภาษาตระกูลมาเลย์-จาม กับชวา-มลายู จนถึงตระกูลมอญ-เขมร กับลาว-ไทย

ในปัจจุบัน โลกกลับเข้าสู่ช่วงอบอุ่นอีกครั้ง และความร้อนพุ่งทะยานเร็วขึ้นจากสภาพเรือนกระจกที่เกิดจากแก้สต่างๆเช่นมีเทน ไอน้ำ คาร์บอนในรูปแบบต่างๆ ทำให้เกิดการละลายของน้ำแข็งจากขั้วโลกและธารน้ำแข็งหรือหิ้งน้ำแข็ง รวมทั้งยอดเขาน้ำแข็งต่างๆอย่างรวดเร็ว ทำให้ระดับน้ำทะเลทั่วโลกเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ในอัตรา  3.2 ± 0.4 มิลลิเมตร/ปี 

จากสภาพการเพิ่มขึ้นของน้ำทะเลในลักษณะนี้ จึงหลีกเลี่ยงได้ยาก ที่วัฏจักรเดิมจะกลับมาอีกครั้ง นั่นคือการกลับลงสู่ใต้ทะเลของหลายเมืองริมชายฝั่งทั่วโลก รวมทั้งภาคกลางตอนล่างของไทย เช่นที่บ้านขุนสมุทรจีน สมุทรปราการ ซึ่งจมลงทะเลไปแล้วทั้งหมู่บ้าน โดยมีการใช้คำว่าาการกัดเซาะชายฝั่ง เพื่อเรียกภัยพิบัติชนิดนี้ โดยเฉลี่ยแล้ว อัตราการกัดเซาะรุนแรงในอ่าวไทย คือเฉลี่ยมากกว่า 5.0 เมตรต่อปี (ถือเป็นพื้นที่วิกฤติหรือพื้นที่เร่งด่วน) เกิดขึ้นในพื้นที่ชายฝั่งระยะทางรวม 180.9 กิโลเมตร หรือคิดเป็นร้อยละ 10.9 ของแนวชายฝั่ง ทั้งนี้ชายฝั่งทะเลบริเวณอ่าวไทยตอนบนตั้งแต่ปากแม่น้ำบางปะกง จังหวัดฉะเชิงเทรา จนถึงปากแม่น้ำท่าจีน จังหวัดสมุทรสาคร เป็นพื้นที่ที่มีความอ่อนไหวและเกิดการกัดเซาะที่รุนแรงที่สุด โดยบางพื้นที่มีอัตราการกัดเซาะชายฝั่งมากกว่า 25 เมตรต่อปี

โดยเฉพาะตัวเมืองกรุงเทพมหานคร การศึกษาพบว่า มีการจมลงของตัวเมืองเร็วกว่าปกติอีกด้วย เนื่องจากมีการสูบน้ำใต้ดินจำนวนมหาศาลออกมาเพื่อใช้งานในช่วงหลายสิบปีที่่ผ่านมา เมื่อไม่มีแรงดันน้ำใต้ดิน น้ำหนักตัวเมืองที่มีอาคารสิ่งก่อสร้างมากมายมหาศาล ก็กดทับลงประกอบกับตามที่เราทราบมาข้างต้นว่าใต้กรุงเทพเคยเป็นทะเลโคลนตมมาก่อน ยิ่งทำให้อัตราการจมลงของตัวเมืองหลวงแห่งนี้มีมากขึ้นทุกที จากการศึกษาพบว่า ภายในปี 2050 กรุงเทพมหานครจะเริ่มประสบปัญหาน้ำทะเลสูงจนรับมือไม่ไหว ซึ่งเป็นสิ่งที่ต้องรีบวางแผนหาทางแก้ไขโดยเร็วตั้งแต่วันนี้

 

อ้างอิง http://u-thongnews.blogspot.com.tr/2014/07/blog-post_20.html
http://www.oknation.net/blog/voranai/2007/05/29/entry-4
http://goo.gl/F4l4HZ

76 ความคิดเห็นเกี่ยวกับ “เมื่อพันปีที่แล้ว กรุงเทพ และ 6 จังหวัดภาคกลางเคยอยู่ใต้ทะเลมาก่อน

  1. เดิมบางนางบวช อ. ในสุพรรณ ขุดดิน ในทุ่งนา เกิน 1.5เมตร จะเจอ ทราย ทะเล ทั้งหมดเลย

  2. ทำไม จ.หวัดที่ลงท้ายด้วยบุรี ถึงบังเอิญเป็นเมืองท่าริมทะเลในโบราณแบบเป๊ะๆ
    ราว 1000ปีก่อน นั้นคือหัวเมืองไหญ่ในอดีตหรอ

  3. ไม่เห็นเป็นไรเลย ขนาดเชียงรายยังมีแลาจากน้ำทะเลลึกขายเลย แสดงว่าเชียงรายเคยเป็นใต้ท้องทะเลมาก่อน 55

  4. ผมก็สงสัยอยู่ ตอนเด็กมีคนจ้างให้รถแม็กโค มาขุดคลอง แล้วที่แม็กโคขุดขึ้นมามีแต่หอยทะเล ผมสงสัยตั้งแต่เด็กแล้ว ว่าในคลองมีหอยทะเลด้วยหรอ

    • จริงคับ แถวแถบแม่น้ำเจ้าพระยา มีลักษณะเป็นดินทรายและมีการขุดพบหอยโบราญที่วัดเจดีหอย ปทุมธานี

    • ตอนเด็กก็ขุดหาเปือกหอยเล่น
      เก็บเปือกสวยๆไว้
      ทั้งตามคันนา ตามแถบคลอง
      หอยทะเลเต็มไปหมด สงสัยเหมือนกันค่ะ
      #ฉะเชิงเทรา

  5. อ้าวก็ดีน่ะสิเวลาจะไปเที่ยวทะเลทั้งทีจะได้ไม่ต้องไปถึงบางเเสนเที่ยวมันในกรุงเทพนี่เเหละ ดีนะ กรุงเทพก็มีทะเล

  6. เอาง่ายๆ นะครับ ถ้าหากกรุงเทพเกิดแผ่นดินไหวขนาด 6 ริกเตอร์ขึ้นไป รับรองตึกถล่มเป็นร้อยแน่นอน..เพราะไม่แน่ใจว่าตึกที่สร้างมาก่อนหน้านี้เผื่อรองรับการสั่นสะเทือนได้แค่ไหนยิ่งผืนดินเคยเป็นทะเลมาก่อนดินยิ่งอ่อนมากต่อให้มีเสาเข็มแน่นขนาดไหนก็ตาม หากมีการสั่นสะเทือนขนาดนี้ขึ้นไปก็ไม่รอดหรอกครับ

    • มันก็ผ่านมาหลายพันปีแล้วอ่ะนะ เอาตามปัจจุบัน ณ ตอนนี้นะ คิดว่าทั้งดินทั้งฝุ่นที่พัดมาจากทั่วทุกสารทิศ ทับถมมานานหลายร้อยพันปี ผมว่า มันน่าจะมีความแน่นบ้างแหล่ะครับ + กับเทคโนโลยีการก่อสร้าง วิศวกรที่เก่งขึ้น ผมว่าไม่น่าเกิดครับ ต่อให้พายุ F7 มาถล่มอ่ะนะ

      • ฟังนะกรุงเทพ เป็นเมืองคอนกรีต นํ้าไม่สามรถซึมใต้ดินได้ บวกกับกรุงเมพมีตึกสูง กดพื้นดินบง ปีละ 3มิลลิเมตร ผมว่ามีโอกาสเป็นไปได้สูงที่กรุงเทพจะจมก่อน เพราะเป็นเมืองที่สร้างได้แบบโคตรฝืนธรรมชาติมากๆ

  7. มันขึ้นปีละไม่กี่เซ็นต์เอง อีกนานกว่าจะท่วมกรุงเทพ ถึงตอนนั้นเราก็สร้างเขื่อนกั้นน้ำทะเลไว้แค่นี้ก็จบละ ระหว่างนี้เราก็ค่อยๆถมที่ขึ้นทำทางระบายน้ำให้ดีแค่นี้น้ำก็จะไม่ท่วม

    • มันขึ้นปีละไม่กี่เซ็นต์เอง => แต่ตอนนี้ พื้นโลกเราทุกหย่อมหญ้า จะตกลงไปเรื่อยๆ ปีล่ะ 5 ซม.(โดยประมาณ) คิดดูนะ รุ่นลูกหลาน แหลนโหลนเรา หรืออีก 1000 ปี 2000 ปี ข้างหน้า โลกจะเหลือเล็กแค่ไหน หรือที่ทาง 1 ตารางวา จะมีค่าถึง 100 ล้าน 1000 ล้านมั้ย

  8. ส่วนตัวผมมีอาชีพในการเล่นพระ จากประสบการณ์การอ่านจะพบว่ากรุงเทพไม่มีพระกรุที่มีอายุมากเท่ากับหลายจังหวัดทางตอนบนซึ่งประเทศไทยอยู่กับพุทธศาสนาเป็นเวลานาน
    จากข้อสันนิฐานนี้
    ผมเชื่อว่ากรุงเทพและหลายจังหวัดรอบปริมณทล อยุ่ใต้ทะเลมาก่อนครับ

  9. ปมปัญหาที่เข้าขั้นเป็นปริศนาคือถ้าแผ่นดินภาคกลางพ้นน้ำมานานหลายพันปี ทำไมคนในยุคโบราณไม่ไปตั้งบ้านเรือนในพื้นที่นั้น ทำไปไปตั้งเมืองไกลแหล่งน้ำ ต้องลำบากขุดคลอง ขุดบ่อ สร้างอ่างเก็บน้ำ สร้างบารายทำไม

    ถ้าจะให้เหตุผลว่าเป็นเพราะน้ำท่วมตามฤดูกาลก็ไม่น่าจะใช่ เพราะจริงๆแล้วพื้นที่แบบนี้สามารถอยู่อาศัยได้ การตั้งถิ่นฐานบนที่ราบน้ำท่วมตามฤดูกาลนั้น การเพาะปลูกก็ง่าย พื้นดินอุดมสมบูรณ์ ดีกว่าไปสร้างเมืองบนดอนที่ขาดแคลนน้ำ ข้อดีมันต่างกันมากจนไม่น่าเชื่อว่ามนุษย์โบราณจะเลือกอยู่ในที่กันดารและลงทุนลงแรงทำชลประทานแทนการอยู่ใกล้แหล่งน้ำธรรมชาติ

    จริงๆแล้วนักโบราณคดีเขาก็รับฟังนักวิทยาศาสตร์ แต่ปริศนาที่ไม่มีชุมชนโบราณในเขตพื้นที่ลุ่มภาคกลาง โดยยังไม่มีคำอธิบายใดๆเป็นเรื่องที่ขัดแย้งกันอย่างแรง ทำให้นักผลงานวิจัยล่าสุดทางวิทยาศาสตร์ดูเหมือนจะยังไม่สมบูรณ์ เป็นเรื่องที่ต้องควรค้นคว้าหาคำตอบต่อ ตัวอย่างเช่นพื้นที่ส่วนนี้อาจจะอยู่สูงกว่าระดับน้ำทะเลจริง แต่เป็นป่าพรุโบราณกว้างใหญ่ที่ไม่สามารถอยู่อาศัยได้หรืออะไรทำนองนั้น

  10. ควรสังเกตว่านักโบราณคดีทั้งหมดเชื่อเรื่องน้ำท่วมภาคกลางในสมัยทวารวดี สาเหตุคือ
    1. ยังไม่มีใครพบร่องรอยอารยะธรรมหรือการตั้งถิ่นฐานของมนุษย์ในพื้นที่ที่นักโบราณคดีขีดเส้นว่าเคยถูกน้ำท่วมในสมัยทวารวดี
    2. ในพื้นที่ดังกล่าวเคยพบซากเรือแบบที่เป็นเรือเดินทะเลหลายจุด
    3. มีบันทึกโบราณเป็นลายลักษณ์อักษณเรียกพื้นที่ดังกล่าวว่า ทะเลโคลน
    4. เมืองโบราณที่อบู่รอบทะเลโคลนแสดงลักษณะของเมืองท่าชายทะเลที่ชัดเจน คือมีเรือสินค้าเข้ามา
    5. ช่วงระดับน้ำทะเลเริ่มลดลง เมืองโบราณเหล่านี้แสดงความพยายามที่จะรักษาสถานภาพเมืองท่าเอาไว้ เช่นขุดคลองเชื่อมต่อกับแนวชายฝั่งที่ถอยร่น
    6. ต่อมาเมื่อชายฝั่งถอยไปไกล เมืองเหล่านี้ได้ถูกทิ้งร้าง เพราะคนย้ายไปตั้งเมืองใหม่ในทำเลที่สะดวกกว่า
    สิ่งที่นักโบราณคดีกล่าวไว้นั้นจัดมีหลักฐานชัดเจน ยากที่จะโต้แย้ง ภาพที่นักโบราณคดีเห็นคือที่ลุ่มภาคกลางมี่พันปีกว่าถูกน้ำท่วมในเวลาที่น้ำขึ้นและกลายเป็น mud flat ที่กว้างใหญ่ในช่วงที่น้ำลง
    ถ้านักวิทยาศาสตร์จะโต้แย้งว่าไม่ใช่ ก็ควรมีคำตอบที่เหมาะสมที่จะอธิบายโต้แย้งหลักฐานทางโบราณคดี

  11. ขออนุญาตอธิบายต่างกับหัวข้อนี้สักนิดครับ
    เพราะเป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับประวัติศาสตร์ครับ

    เรื่องนี้นักธรณีวิทยาและนักโบราณคดีชาวญี่ปุ่นได้เข้ามาสำรวจยุคที่ภาคกลางตั้งแต่ลพบุรีลงมาถึงปากอ่าวซึ่งถูกน้ำท่วม ว่าอยู่ในยุคไหนกันแน่ ซึ่งผลจากการวิเคราะห์บอกว่าถูกท่วม 10,000ปี จนถึง 5,000 ปีที่แล้วครับ แปลว่า เมื่อ 5,000 ปีที่แล้วหรือ 2,500 ปีก่อน พุทธศักราช น้ำได้ลดลงหมดแล้ว ถึงแม้ว่าจะเป็นสันดอนบ้าง แต่ก็สามารถสร้างบ้านเรือนได้ เช่น อยุธยามีหลักฐานคนอยู่อาศัยมาก่อนยุคทวารวดี (พศ 1070 ) เสียอีกครับ
    แต่นักประวัติศาสตร์ไทยบางคนที่อยู่กรมศิลปากร ไปวาดทะเลท่วมภาคกลางในยุคทวารวดีตามพิพิธภัณฑ์ต่างๆ จึงทำให้คนหลงเชื่อว่า น้ำยังคงท่วมอยู่จนถึง พศ 1600 สมัยรัฐละโว้ แต่ละโว้มีหลักฐานว่าสร้างก่อน พศ 1300 เสียอีกครับ
    ฝรั่งไม่เคยบอกว่าน้ำท่วมภาคกลางจนถึง 1000 ปีที่แล้วเลยครับ มีแต่บอกว่า ท่วมจนเมื่อ 6-5000 ปีที่แล้วเท่านั้น ในทุกตำราครับ

  12. เคยพานักเรียนไปสำรวจบ่อที่ขุดดินขายแถวอ.องครักษ์ เดินลงไปในบ่อที่ระดับความลึกราว 20 เมตรต่ำกว่าระดับพื้น เจอซากฟอสซิลมากมายที่แสดงความเป็นทะเลครับ ทั้งฟันฉลาม เปลือกหอยตะโกรมขนาดยักษ์ หอยขวาน และหอยอื่นๆ แขนงรากโกงกาง ฯลฯ วิทยากรที่เป็นผู้เชี่ยวชาญภูมิศาสตร์บอกว่าอายุอยู่ในราวหกพันปี https://www.facebook.com/apidon.charoenagsorn/media_set?set=a.839299939449996.100001099943777&type=3

  13. บางคนอาจไม่เชื่อว่า กทม. และ จังหวัดใกล้เคียงเคยเป็นทะเล ฯลฯ แต่ปัจจุบันผมเชื่อ ครับ..ดูตัวอย่างวัดเจดีหอย จ.ปทุมธานี, และ จ.นครนายก มีการขุดบ่อดินเป็นจำนวนมาก มีการพบหอยทะเล ในตำบลดงละคร, ต.พรหมณี, ต.เขาพระ อ.เมือง , ต.เขาเพิ่ม.ต.บ้านพริก อ.บ้านนา, ต.โพธิแทน, ต.พระอาจารย์, ต.ชุมพล ขุดดินลึกประมาณ ๑๐ – ๑๕ เมตร จะพบไม้ตะเคียนจมอยู่ใต้ดิน และ หอย ….มีหลักฐานให้เห็นประจักด้วยสายตา..ครับ หาสนใจโทรมาหาข้อมูลได้ครับ

    • ผมทำงานเกี่ยวกับการก่อสร้างอาคารขนาดใหญ่ เวลามีงานเจาะเสาเข็มใน กทม ที่ความลึกถึง 60 เมตร ยังมีเปลีอกหอยเต็มเลย ครับ

  14. เมื่อประมาณ 10,000 ปีที่แล้ว แผนที่ ที่ดินภาคกลางตอนล่างเป็นทะเลมาก่อนจริง ลพบุรีมีภูเขาหินทรายเป็นลูกๆ มาทำลูกนิมิต ใบเสมา พบฟอสซิลหอยปะปนมาด้วย ที่จริงนาซ่าเตือนเรามาสามครั้งแล้วที่ดินแถวนี้จะถูกน้ำท่วม มันเป็นความซวยในระดับนำของประเทศที่ไม่ทำการป้องกันที่ใช้เขื่อนขนาดใหญ่ ที่ดร.สมิทธิ์แนะนำไว้ คนฉลาดและรู้จักสังเกตุ มีอยู่ในทุกระดับชั้นสังคมไทยเป็นสัญชาติญาณของมนุษย์ที่รู้จักเอาตัวรอด
    ต้องป้องกันตนเองและครอบครัวมิตรสหาย หนทางเดียวคือย้ายอพยพหนีไปที่สูงเหมือนมด
    จะหวังพึ่งคนรุ่นนี้ เขาไม่สนใจหรอกเพราะอยู่ไม่ถึง หรือ คิดว่าเป็นเรื่องของพวกมึงไปแก้กันเองน่าจะใช่

  15. ขอโทษนะคะ อยากทราบว่ารู้ได้ไงคะว่าเคยเป็นทะเลมาก่อน มีที่มายังไง สันนิษฐานจากอะไร รบกวนตอบกลับที่เมล

      • ขอบคุณผู้เขียนมากนะคะแต่ขอเพิ่มเติมนิดหนึ่งควรเกริ่นว่าเมื่อประมาณ12,000ปีมาแล้วจะได้วางสโคปได้มากหน่อยคะขอบคุณคะ

  16. อำเภอพระพุทธบาทเมื่อ 2,500 ปีก่อนเป็นทะเลหรือเปล่าครับ มีรอยพระพุทธบาทได้ยังไง

    • ต้องไปลองอ่านในพระไตรปิฎกหรือพระเจ้า500ชาติดูที่กล่าวถึงการเดินทางไปลังกาทวีป(ภาคใต้ของไทย)โดยทางเรือของผู้เผยแพร่พระพุทธศาสนาพระพุทธเจ้าประทับรอยพระบาทบนยอดเขาสุวรรณมาลิก หรือบนพระพุทธบาทสระบุรีได้แสดงว่าน้ำทะเลน่าจะยังไม่ถึง สระบุรีเมื่อ2500ปีแต่ที่นี่เคยเป็นเมืองท่ามาก่อน

  17. ใจเย็นนะครับอย่าเพิ่งทะเลาะกัน มีเหตุผลทุกฝ่ายครับ ผมเองขอยืนยันว่าท่านเจ้าของหัวเรื่องนี้คือท่านที่นำเรื่องนี้มาเผยแพร่ เป็นคนที่น่านับถือคนหนึ่งเป็นคนตรงไปตรงมาท่านคงเจตนาไม่ให้พวกเราตั้งอยู่บนความประมาทนั่นแหละผมแยกประเด็นยังงี้ครับ 1) บางท่านเห็นว่า 1000 ปีมันใกล้เกินเพราะก่อนการตั้งราชธานีไทยไม่กี่ร้อยปีนี่เองทำไมไม่มีพงศาวดารฉบับใดเอ่ยถึงบริเวณนี้บ้าง 2 บางท่านรวมทั้งผมด้วยเชื่อว่าการเปลี่ยนทางเปลือกโลกมีจริงคือบกกลายเป็นทะเล ๆ กลายเป็นบก มีฟอซซิล อยู่ทั่วไป ดูที่ อ.บ่อเกลือจ.น่านเป็นตัวอย่าง อยู่บนเขาสูงเหมือนหนังเรื่องอาตารนั่นแหละยังมีบ่อเกลือเลย 3 บางท่านวิตกเรื่องธรรมชาติถูกทำลาย จะถูกเอาคืนบ้างเรื่องนี้คงเลี่ยงไม่ได้แล้ว ในสมัยก่อนไม่มีมนุษย์มาทำลายสิ่งแวดล้อมเหมือนปัจจุบันมหันต์ภัยธรรมชาติมันก็ไม่ละเว้นให้เลยท่านผู้นำเสนอท่านก็พูดตามแนวที่นักวิชาการสรุปมาไม่ได้พูดเองเหมือนหมอดูอะไรนั่น ผมขอบคุณท่านครับ

    • คือว่าฝรั่งไม่เคยบอกเลยว่าภาคกลางท่วมมาจนถึง 1000 ปีที่แล้วครับ เขาบอกว่าท่วมจนถึง 5000 ปีที่แล้วครับ แต่กรมศิลป์มาเขียนใหม่เอาเองครับ วาดแผนที่เองเลยครับ ทั้งๆที่อยุธยาเกิดมาก่อนทวารวดี (พศ 1070 )เสียอีกครับ บทความนี้พาดหัวผิดอย่างจังครับ

      • ถูก-ผิด ไม่ใช่อยู่ที่ว่าฝรั่งหรือไทยเป็นคนเขียนบทความหรือวาดแผนที่นะครับ แต่อยู่ที่ตรรกะ เหตุผล และหลักฐานที่ยกมาอ้างครับ ใครจะถูกใครจะผิด คุณควรเน้นตรงนี้มากกว่าครับ ไม่ใช่ว่าฝรั่งถูกเสมอหรือไทยถูกเสมอ และที่ผมพูดอย่างนี้ผมไม่ได้หมายความว่าไทยถูกเสมอและฝรั่งผิดตลอด แต่ผมแนะนำให้ไปหาเปเปอร์งานวิจัยมาแปะลิงค์ไว้ดีกว่าครับ จะได้เข้าไปอ่านทำความเข้าใจกับสิ่งที่คุณยกมาอ้างได้ง่ายๆ

    • อ่านๆดูยังไม่เห็นมีคนทะเลาะกันเลยครับ ก็แค่ยกหลักฐานและเหตุผลมาแย้งกัน ถ้าแย้งกันดีๆ ต่อให้เป็นการแย้งกันก็ไม่ใช่การทะเลาะกันหรอก

  18. ถ้ารู้ว่าอนาคตจะเป็นแบบนั้น แล้ววันนี้ทำอะไรเพื่อแผ่นดินไทยกันหรือยังคับ

  19. มันเป็นเรื่องของ ธรรมชาติครับ เหตุการณ์แบบนี้ต้องเกิดมาเป็นวัฎจักรหลายๆล้านรอบมาแล้ว และมนุษย์ยังคงมีชีวิตรอดมาให้ทะเลาะกันได้ถึงทุกวันนี้ ถ้าน้ำจะท่วมบางส่วนของชายฝั่งเราก็แค่ย้ายขึ้นไปให้สูงกว่าที่อยู่เดิมสิครับ อย่าลืมว่าไม่มีภัยธรรมชาติอะไรที่ทำร้ายกันได้มากกศาที่มนุษย์เราทำร้ายกันเองหรอกครับ

  20. โคราชมีซากฟอสซิลหอยทะเลปะการัง คาดว่าสมัยก่อนเคยเป็นทะเลมา

  21. ถ้าอำเภอตาคลี นครสวรรค์เคยเป็นชายหาดมาก่อน… จริง
    แสดงว่า แผนที่นี้ ยังให้ขอบเขตของพื้นทะเล น้อยเกินไป
    พื้นที่ทะเลควรล้นเหนือลพบุรีอีก…

    น่าจะเกิดเหตุอะไรซักอย่างทำให้น้ำทะเลลดอย่างรวดเร็ว…
    ถ้าเป็นแบบนั้นจริง น่าจะมีเหตุอะไรซักอย่างเช่นกัน
    ที่ทำให้น้ำทะเลเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว…

    ความเห็นส่วนตัวนะครับ… อาจไม่มีอะไรเกิดขึ้นก็ได้

  22. กรุงเทพฯ ชื่อก็บอก เมืองที่เป็นอมตะ เป็นศูนย์กลางของจักรวาล 555+

  23. ความคิดเห็นส่วนตัว..เป็นเรืองของธรรมชาติเวลาเข้าสูฤดูมอรสุมนำ้ลากนำ้นำ้ละบายไม่ทันก็ท่วม เพราะกรุงเทพฯและปริมลฑนอยู่บริเวณพื้นที่ตำ่ จะท่วมเฉพราะตามฤดูเท่านั้น..แผ่นดินจะไม่หายไปแต่จะกลับกัน?!

  24. ทุกสิ่งทุกอย่าง มันเป็นธรรมชาติครับ (มนุษย์ทำลายธรรมชาติ ก็เป็น ธรรมชาติ….มนุษย์ค้นหาวิธีป้องกันภัยธรรมชาติต่าง ๆ ก็เป็น ธรรมชาติ …..เกิดภัยพิบัติต่าง ๆ ขึ้นในโลก จนทำให้มนุษย์ และสัตว์ หรือสิ่งมีชีวิตล้มตายก็เป็น ธรรมชาติ สงคราม ก็เป็น ธรรมชาติ // ความกลัว ความวิตก ก็เป็นธรรมชาติ ฉะนั้นอย่ากลัว อย่าวิตก เพราะทุกสิ่งทุกอย่างมันต้องเกิด และนั่นคือ “ธรรมชาติ“

  25. ทุกสิ่งทุกสิ่งทุกอย่าง มันเป็นธรรมชาติ ครับ (คนไปทำลายธรรมชาติ ก็เป็น ธรรมชาติ …มนุษย์หาทางป้องกันภัยธรรมชาติ ก็เป็น ธรรมชาติ …สงครามก็เป็น ธรรมชาติ และ ฯลฯ ก็เป็น ธรรมชาติ ) /// อย่ากลัว อย่าวิตก เพราะทุกสิ่งทุกอย่างต้องเกิด และนั่นคือ “ธรรมชาติ”

  26. หลักฐานจากไหนครับ ซากสัตว์ทะเลมีไหมครับ กล่าวอ้างจากอะไร ตกลง 1000ปี หรือ 6000ปีครับ

    • หลักฐานที่ชาวบ้านทั่วไปเห็นได้คือ วัดเจดีย์หอย จ.ปทุมธานี มีการขุดลงไปในดิน พบเปลือกหอยโบราณขนาด และปริมาณมหาศาลที่คาดว่าสมัยก่อนบริเวณนี้เคยเป็นทะเลมาก่อน

      • จากหลักฐานการศึกษาอายุหอย มันมีอายุ 8 ล้านปีครับ
        ดังนั้นจึงยังรอคำตอบของการที่บอกว่าเมื่อพันปีก่อนเป็นทะเลอยู่ครับ

        • อ่านให้ดี หรือกลับไปเรียนมาใหม่นะ บน พูดว่า:

          จขกท อ่านช้าๆอีกรอบนะครับ ค่อยๆทำความเข้าใจนะครับ อย่าโวยวายไม่ดีๆ รบกวนสายตาผู้อื่น หากอยากรู้ว่าจริงไหม ห้องสมุดสิครับ กูเกิลสิครับ ผมว่ามีข้อมูลอยู่ไม่น้อย นี่ทางผุ้เขียนเขาเรียบเรียงมาให้เราอ่านก็น่าจะขอบคุณเขา ที่ทำให้เราได้ลองคิดอะไรๆใหม่ๆ มันไม่ผิดหรอกครับที่จะโต้แย้ง แต่ควรจะให้มันสุภาพกว่านี้ กริยาส่อสันดาน มารยาทส่อสกุลนะครับ

          • ผมคิดเหมือนเจ้าของโพส ไหนอ่ะหลักฐาน เอามาให้ดูครับจะเชื่อ กูเกิ้ลมีแล้วไงครับ อยู่ตรงไหน หามาให้ดูครับ แล้วเกิดทันกันเหรอถามจริง ที่บอกว่าเจดีย์หอยนี่ยิ่งมั่วไปใหญ่
            อีกอย่าง เขาใช้คำไม่สุภาพตรงไหน?
            ถ้าศึกษามาแล้วก็เอาความรู้มาอวดกันครับ ไม่ใช่ฟังเขามาแล้วมาตำหนิความคิดเห็นคนอื่น เอาหลักฐานมาให้ดู หรือเอาลิงค์มาแปะก็ได้ เคนะ

    • ผมอยู่อ.ตาคลี จ.นครสวรรค์
      ตามประวัติเคยเป็นทะเลจริงครับ
      ในปัจจุบันยังคงมีหลักฐานเป็นเขาหินปูน(เขาชนิดเดียวกับแถบทะเล)แล้วก็มีfossil ปลาเปลือกหอยทะเลฯลฯ อีกมามายตามแนวเขาหินปูนเหล่านั้น

    • 555 ช่ายๆ มันเรื่มมั่วแล้ว ยุคน้ำแข็ง ice age มันต้องมีล้านปี ประมาณ ไดโนเสาร์นั่น โครตมั่วเลย และเกิดการแยกตัวของเปลือกโลก เลยทำให้ให้พื้นที่บางส่วนงอกเงยและโผล่ขึ้นมาและพื้นดินบางส่วนก็จมลงไปในทะเล

      • อ่านให้ดี หรือกลับไปเรียนมาใหม่นะ บน พูดว่า:

        The Medieval Warm Period (MWP), Medieval Climate Optimum, or Medieval Climatic Anomaly was a time of warm climate in the North Atlantic region that may also have been related to other climate events around the world during that time, including China[1] and other areas, [2][3] lasting from about********** AD 950 to 1250.[4] It was followed by a cooler period in the North Atlantic termed****** the Little Ice Age. Some refer to the event as the Medieval Climatic Anomaly as this term emphasizes that effects other than temperature were important.

        http://en.wikipedia.org/wiki/Medieval_Warm_Period

        • อุตส่าห์ไปหามา ก็ไม่ได้สอดคล้องกันเลย น่าเห็นใจเป็นที่สุด อยากให้คนอื่นในความคิด ที่ไม่สามารถพิสูจน์ได้ของตนเอง เฮ้อ

  27. ยังไงก็ตามมนุษเรา…..เราไปทำรายธรรมชาติไก้ถึงเวลาที่ธรรมชาติมาเอาคือไช่หรือป่าวครับทุกๆทั้นครับ ยังไงก็ตามถ้าพวกเราไม่หยุดการทำรายธรรมชาติ ภัยธรรมชาติแบบนี้ก็คงไม่เกิดขึ้น (คนที่เขียน)ชื่อ อาม อายุ18ปี จ.กรุงเทพ

  28. เราคงแก้ไขอะไรไม่ได้ ถ้าโลกของเรา ไม่มีใครเคยดูแล เพราะมีแต่จะทำลายกันเอง แม้แต่ธรรมชาติเราก็ยังมีคนทำลาย เราก็คงต้องรอวันที่ต้องจบชีวิตลงกับภัยธรรมชาติที่จะมาเท่านั้น

  29. วันเวลา..ก้อผ่านไปเรื่อยๆ แต่พวกเรายังไม่ได้ลงมือทำอะไรเลย เมื่อวันนี้มาใกล้แล้วเราจะรับมือยังงัยทัน

  30. สร้างเขื่อนกั้น ถมทะเล และปิด อ่าวไทย
    บริเวณ อำเภอ สัตหีบ ….จบ

  31. ความเสียหาย นั้นไหญ่หลวงนัก
    ทำไงกันดีครับ
    หลายๆเกาะก็จมแล้ว
    เราแค่ 1.5 เมตร Above sea level

  32. เชื่อว่าเป็นไปได้ค่ะ ภัยธรรมชาติที่รุนแรงในหลายประเทศ แสดงถึงจุดเริ่มการเปลี่ยนแปลงสภาวะของโลก เคยทราบจาก ผู้มีความรู้อภิญญาว่าต่อไปในอนาคตสระบุรีจะกลายเป็นชายทะเล

  33. หลักการใช่เลยแต่เวลา ยังอีกนาน มนุษย์ไม่ได้อยู่เฉยๆ งอมืองอเท้า กลัวแล้วก็ไม่ได้ทำอะไร

  34. เสียดายโครงการที่ลงทุนไปในกรุงเทพ นะ น่าจะมีมาตรการอะไรมาลดความสูญเสียตรงนี้

  35. เตรียมกายเตรียมใจพร้อมรับการเปลี่ยนแปลงทางกายภาพครั้งใหญ่ คนไทยจะได้รับบทเรียนราคาแพง หลังจากกอบโกยประโยชน์จากโลกโดยขาดความรับผิดชอบมาช้านาน

  36. ควรกระจายความรู้ให้คนเข้าใจมากที่สุด และมีแผนงานรองรับเท่าที่คนไทยทุกคนจะช่วยกันได้

  37. อีกไม่นานคงจะไม่มีกรุงเทพให้เห็น และอาจจะชนกับสถานการณ์ประชาคมอาเซียน
    เพราะในเวลานี้กรุงเทพคือเมืองหลวงที่อาจจะเป็นศูนย์กลางของประชาคมอาเซียนก็เป็นได้

  38. เชื่อว่าเป็นจริงดั่งที่นักวิจัยพูดออกมาเพราะที่อ.เขาย้อย จ.เพชรบุรี ที่หัวเขาจีนต.หนองชุมพลที่เชิงเขามีทรากเปลือกหอยทะเลทับถมอยู่มากมาย

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *