แนวทางการออกแบบอาคารในเขตเสี่ยงภัยแผ่นดินไหว

คำแนะนำจาก รศ.ดร.อมร พิมานมาศ หลังเหตุแผ่นดินไหวใหญ่ 5 พ.ค. 57 ที่เชียงราย

  1. วัสดุก่อสร้างต้องได้มาตรฐานคอนกรีตต้องมีกำลังรับน้ำหนักไม่น้อยกว่า 240 กก.ต่อตารางเซ็นติเมตรหรือมากกว่านั้น เหล็กเส้นต้องเป็นเหล็กได้มาตรฐาน มี มอก. รองรับการใช้คอนกรีตที่ด้อยคุณภาพหรือเหล็กไม่เต็มเส้นจะทำให้โครงสร้างไม่แข็งแรง
  2. เสาบ้านต้องมีขนาดไม่ต่ำกว่า 20 ซม. เสาที่มีขนาดใหญ่ยิ่งต้านแผ่นดินไหวได้ดีเพราะเสาเป็นโครงสร้างหลักที่ต้องต้านแผ่นดินไหว หากเสาเล็กเกินไปอาจทำให้โครงสร้างอาคารไม่แข็งแรงและพังถล่มได้โดยง่าย
  3. เหล็กเส้นในเสาต้องมีจำนวนไม่น้อยกว่า 4 เส้น และมีขนาดไม่ต่ำกว่า 12 มม.
  4. เสาทุกต้นต้องเสริมเหล็กปลอก โดยเหล็กปลอกต้องพันเป็นวงรอบเหล็กแกนเหล็กปลอกที่ใช้ต้องมีขนาดไม่เล็กกว่า 6 มม. หากใช้เหล็กขนาด 9 มม. ได้ยิ่งดีและต้องพันเหล็กปลอกให้ถี่ๆโดยเฉพาะที่โคนเสาและปลายเสาด้านบนต้องวางเหล็กปลอกจำนวนอย่างน้อย 10 วง ในระยะ 50ซม. วัดจากปลายด้านบนและปลายด้านล่างของเสาทุกต้นโดยเฉพาะอย่างยิ่งเสาชั้นล่างสุดต้องระมัดระวังเป็นพิเศษ
  5. ข้อต่อหรือบริเวณที่คานและเสามาบรรจบกันจะต้องเสริมเหล็กปลอกเช่นกันโดยต้องใช้เหล็กปลอกขนาดไม่เล็กกว่า 6 มม. จำนวนไม่น้อยกว่า 4เส้นพันรอบเหล็กแกนในบริเวณข้อต่อ
  6. คาน ซึ่งเป็นชิ้นส่วนที่สำคัญหากสามารถพันเหล็กปลอกที่บริเวณปลายคานให้ถี่ๆ ได้ จะทำให้โครงสร้างแข็งแรงขึ้น
  7. หลีกเลี่ยงการต่อเติมส่วนต่างๆ ของโครงสร้างเอง เช่นการต่อเติมชั้นลอยอาจทำให้เสาปกติกลายเป็นเสาสั้นและอาจทำให้ถูกเฉือนขาดได้ง่าย
  8. ต้องระวังการก่อสร้างบ้านที่ชั้นล่างเปิดโล่งแนวทางป้องกันควรทำค้ำยันไม้หรือเหล็กจากมุมล่างของเสาต้นหนึ่งไปยังมุมบนของเสาต้นถัดไปเป็นรูปกากบาทจะทำให้ชั้นที่เปิดโล่งนั้นมีความแข็งแรงเพิ่มขึ้นไม่พังถล่มลงมา
  9. การก่อกำแพงอิฐต้องก่อให้ตลอดความสูงของเสา ห้ามปล่อยให้มีช่องว่างเพราะจะทำให้เกิดการเฉือนขาดได้ง่ายๆ
  10. ในการก่อสร้างบ้านที่แข็งแรงนั้นควรมีวิศวกรโยธาเป็นผู้ออกแบบและควบคุมการก่อสร้าง

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *